
ฐานข้อมูล “มโนสร้อย ๔” : ตำรับยาสมุนไพรไทย ล้านนา และกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย
ประวัติความเป็นมา
ศาสตราจารย์ ดร.ภก.จีรเดช มโนสร้อย และ ศาสตราจารย์ ดร.ภญ.อรัญญา มโนสร้อย พร้อมด้วยคณะ ได้ริเริ่มจัดทำฐานข้อมูลคัมภีร์ตำรายาสมุนไพรล้านนา : ตำรับ-โรค-สมุนไพร “Jiradej 1” เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖ แล้วได้พัฒนามาเป็นฐานข้อมูล “Manosroi I” และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา ๓๑ ปี จนในปัจจุบันเป็น ฐานข้อมูล “มโนสร้อย ๔” : ตำรับยาสมุนไพรไทย ล้านนา และกลุ่มชาติพันธุ์ ในประเทศไทย หรือฐานข้อมูล “MANOSROI IV” ฐานข้อมูล “มโนสร้อย ๔” ประกอบด้วยตำรับยาสมุนไพรของประเทศไทย / ล้านนา และกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยมากกว่า ๔๐ ชาติพันธุ์ โดยได้รวบรวมและปริวรรตตำรับยาสมุนไพรไว้แล้วถึง ๑๐๓,๔๙๓ ตำรับ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๗) คาดว่าเมื่อเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว จะมีตำรับยาสมุนไพรรวมมากกว่า ๔๐๐,๐๐๐ ตำรับ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ปรากฏในคัมภีร์ ใบลาน พับสา สมุดข่อย สมุดไทยและเอกสารต่างๆ จากทั่วประเทศ ฐานข้อมูลนี้สามารถปริวรรตภาษาล้านนาและ ภาษาโบราณอื่นๆ ให้เป็นภาษาไทยราชการและภาษาอังกฤษ โดยในอนาคตอันใกล้นี้จะสามารถแปลเป็นภาษาอื่นๆ ได้อีกด้วย ฐานข้อมูลนี้สามารถสืบค้นหาข้อมูลต่างๆ เช่น โรค อาการ สมุนไพรและสารสำคัญ ตลอดจนจัดเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังของข้อมูล เช่น การจัดเรียงจำนวนตำรับยาหรือสมุนไพรที่มีข้อบ่งใช้ในโรคหนึ่งๆ สูง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการนำไปศึกษาวิจัยต่อในห้องปฏิบัติการ รวมทั้งสามารถแสดงรายงานสถิติของตำรับยาสมุนไพร โรค สมุนไพรและสารสำคัญรวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ได้ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป ในการวิจัยและพัฒนายาว่า มากกว่า 50% ของยาที่ใช้ในปัจจุบันมาจากพืชสมุนไพรหรือจากการดัดแปลงอนุพันธ์ ตลอดจนการเรียนรู้จากสารธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น แอสไพริน เป็นยาแก้ปวดจากต้นหลิว และ Taxol / Paclitaxel เป็นยาต้านมะเร็งจากต้น Pacific Yew ดังนั้น ฐานข้อมูลนี้จึงมีความสำคัญมากและจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวิจัยและพัฒนายา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง จากสมุนไพรและตำรับยาสมุนไพร ฐานข้อมูล “MANOSROI IV” เป็นฐานข้อมูลแรกและฐานข้อมูลเดียวของประเทศไทย ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด มีรูปแบบที่รองรับกับ Software รูปแบบเว็บแอพพลิเคชัน ที่ทันสมัยในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะสามารถจัดเก็บข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ของสมุนไพรและตำรายาสมุนไพรอย่างถูกต้องและเป็นระบบได้อย่างครบถ้วนแล้ว ยังสามารถจัดเก็บข้อมูลต้นฉบับของตำรายาสมุนไพรในรูปแบบภาพถ่ายเพื่อการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องและอ้างอิง ตลอดจนมีระบบช่วยเหลือในการปริวรรตภาษาล้านนาและภาษากลุ่มชาติพันธุ์ที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพานักนิรุกติศาสตร์ ที่เชี่ยวชาญด้านภาษาในการปริวรรตซึ่งขาดแคลนได้อีกด้วย ฐานข้อมูล “MANOSROI IV” นี้ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ในตำรับยาและแสดงศักยภาพรวมทั้งความเป็นไปได้ ตลอดจนค่าทางสถิติต่างๆ ซึ่งจะได้ข้อมูลที่สามารถช่วยลดระยะเวลาและลดค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนายา (ใช้งบประมาณในการวิจัยและพัฒนา มากกว่า 500 ล้าน USD ต่อ 1 ตัวยา) เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่าการวิจัยและพัฒนาตามวิธีการในปัจจุบันที่เป็นเสมือนการสุ่ม ตามข้อเท็จจริงแล้ว ตำรับยาสมุนไพรที่ถูกบันทึกไว้ใน ฐานข้อมูล “MANOSROI IV” เป็นตำรับยาสมุนไพรที่มีการใช้กันมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานมาหลายชั่วอายุคน เปรียบเสมือนการทดสอบในมนุษย์หรือ Clinical Trial ในการวิจัยและพัฒนายาแผนปัจจุบัน ที่ต้องทดสอบในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองก่อน แล้วจึงสามารถทดสอบต่อในคนได้ แต่ตำรับยาที่บันทึกไว้นี้เป็นการข้ามขั้นตอนมาทดสอบในคนที่เป็นขั้นตอนสุดท้าย และจะบันทึกไว้เฉพาะตำรับยาที่ใช้ได้ผลในการรักษาเท่านั้น โดยในท้ายตำรับยามักจะบันทึกข้อความไว้เสมอว่า “ใช้แล้วผู้ป่วยจะหายได้” โดยไม่มีการบันทึกว่าใช้แล้วผู้ป่วยตายหรือรักษาไม่หาย ดังนั้น ตำรับยาสมุนไพรที่บันทึกไว้ในฐานข้อมูลนี้จึงล้วนเป็นตำรับยาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยในมนุษย์ซึ่งเป็นการยืนยันถึงผลการรักษาที่แท้จริงในมนุษย์ ฐานข้อมูล “MANOSROI IV” มีระบบการค้นหาข้อมูลต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการวิจัยและพัฒนายา เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาของชาติไว้ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา และเป็นการยืนยันถึงประสิทธิผลของภูมิปัญญาของไทยในการใช้สมุนไพรและตำรับยาสมุนไพรในการรักษาโรค รวมทั้งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางได้ ฐานข้อมูล “MANOSROI IV” ที่จัดทำขึ้นอย่างเป็นระบบและเป็นวิชาการนี้จะเป็นหลักฐานอ้างอิงที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรและตำรับยาสมุนไพรของไทยว่าเป็นภูมิปัญญาของชาติที่มีการใช้มาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญที่จะช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิ์ในทางภูมิปัญญาของไทยจากชาติอื่นได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในอนาคตคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ ฐานข้อมูล “MANOSROI IV” นี้เป็นสาธารณะให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งนอกจากจะไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ในการใช้สมุนไพรและตำรับยาสมุนไพรเพื่อสุขภาพของมวลมนุษยชาติได้อีกด้วย
ศาสตราจารย์ ดร.ภก.จีรเดช มโนสร้อย และ ศาสตราจารย์ ดร.ภญ.อรัญญา มโนสร้อย และคณะ ได้ริเริ่มจัดทำฐานข้อมูลสมุนไพรของประเทศไทย “MANOSROI I” จนถึง “MANOSROI IV” โดยรวบรวมตำรับยาในคัมภีร์ ใบลาน / พับสา / สมุดข่อย /สมุดไทยจากจากวัด หมอพื้นบ้าน นักปราชญ์ ผู้รู้ สถาบันวิจัยและหน่วยจัดเก็บเอกสารโบราณ ตลอดจนจัดซื้อคัมภีร์ตำรับยาจากร้านขายของเก่าและหนังสือตำรา ตำรับยาสมุนไพรส่วนมาก ที่พบในภาคเหนือจารและเขียนเป็นอักษรล้านนาและบางส่วนเป็น อักษรพม่า-ไทใหญ่-ไทลื้อ-ไทเขิน-ยอง เป็นต้น ซึ่งอักษรล้านนานั้นนับเป็นอักษรที่ตายแล้ว เนื่องจากไม่มีการใช้งาน ในปัจจุบันมีเพียงนักเอกสารโบราณ ผู้ที่ศึกษามาโดยเฉพาะ ผู้ที่เคยบวชเป็นพระสงฆ์และแม่ชี หรือ นักนิรุกติศาสตร์จึงจะสามารถอ่านได้ “ฐานข้อมูล MANOSROI” เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ พ.ศ.2536 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ “JIRADEJ I” / “MANOSROI I” / “MANOSROI II” / “MANOSROI III” และ “MANOSROI IV” ซึ่งบรรจุตำรับยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างต่อเนื่องมาหลายชั่วอายุคนมากกว่า 1,000 ปี เนื่องจากได้รวบรวมตำรับยาทั้งในประเทศไทย ประเทศใกล้เคียง เช่น ลาว พม่า กัมพูชา อินเดีย รวมทั้งตำรับยาที่ใช้ในกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย ตำรับยาเหล่านี้เปรียบเทียบได้กับการทดสอบทางคลินิก (Clinical Trial) ในการวิจัยและพัฒนา ยาในปัจจุบัน ตำรับยาสมุนไพรที่ได้ผลจะถูกบันทึกไว้ซึ่งเป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในเบื้องต้น เมื่อได้นำมาวิจัยและพัฒนาต่อจึงมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เมื่อแล้วเสร็จคาดว่าจะมีทั้งสิ้นมากกว่า 400,000 ตำรับ ข้อจำกัดของโปรแกรม“MANOSROI I” / โปรแกรม “MANOSROI II” / โปรแกรม “MANOSROI III” เขียนด้วยภาษา Visual Basic เป็น Window application ที่ปฏิบัติการอยู่บนฐานข้อมูล My Sql และ Hard code ให้โปรแกรมใช้ได้กับ Window XP เท่านั้น เมื่อ Window XP หยุดการพัฒนาจึงมีข้อจำกัดในการพัฒนาต่อยอดโปรแกรม และยังมีความซับซ้อนในการใช้งานมีเมนูยุ่งยาก ดังนั้นจึงได้พัฒนาจนเป็น “MANOSROI IV” Database ล่าสุดที่พัฒนาด้วยระบบที่รองรับกับการใช้งานในปัจจุบัน โปรแกรมมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ทั้งการค้นหาแบบหลายเงื่อนไข รายงานและสถิติสามารถจัดอันดับ Ranking ลดความซับซ้อนในการใช้งานทำให้ง่ายขึ้น เชื่อมโยงข้อมูล Monograph สมุนไพรและบรรจุคำศัพท์ (Data Dictionary) ที่ช่วยเชื่อมโยงในการแปลอัตโนมัติ