
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหาร “Lypose” : ผลิตภัณฑ์จากผลงานวิจัยของ “Manose” ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรดีเด่นระดับชาติ ในโครงการคัดเลือกผู้รับรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ Prime Minister Herbal Awards (PMHA) ประจำปี 2564
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยสถาบันการแพทย์แผนไทย ได้คัดเลือกผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (PMHA) ประจำปี 2564 ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการและให้คำปรึกษาสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้ได้เกณฑ์มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ และพัฒนาโครงการสร้างอุตสาหกรรมสมุนไพรให้มีศักยภาพที่เข้มแข็งและเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสมุนไพร
ศูนย์วิจัยสุขภาพและความงาม มาโนเซ่ (www.manose.co) โดย ศาสตราจารย์ ดร.ภก. จีรเดช มโนสร้อย ประธานกรรมการ และ ศาสตราจารย์ ดร.ภญ. อรัญญา มโนสร้อย กรรมการบริหารและผู้จัดการ ศูนย์วิจัยสุขภาพและความงาม มาโนเซ่ เชียงใหม่ ได้ส่งผลงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ชื่อการค้าว่า “ไลโปเซ่ / Lypose” เข้าร่วมโครงการและได้รับการคัดเลือกให้ได้รับ “รางวัลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรดีเด่นระดับชาติ Prime Minister Herbal Awards (PMHA) ประจำปี 2564” จากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข โดยมีหน่วยงานและบริษัทต่าง ๆ ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมาก
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร“ไลโปเซ่”ประกอบด้วยสารสกัดผสมจากสมุนไพรไทย :
- สารสกัดถั่วแขก (Phaseolus vulgaris)
- สารสกัดข่า (Alpinia galanga (L.) Willd.
- สารสกัดผงฝรั่ง (Psidium guajava )
สารสกัดสมุนไพรผสมจากตำรับยาสมุนไพรไทย ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์นี้ออกฤทธิ์ 3 กลไก (3 in 1) ต่ออาหารที่รับประทาน คือฤทธิ์ลดการดูดซึมของไขมัน 1กลไก และฤทธิ์ยับยั้งการย่อยแป้งและน้ำตาลอีก 2 กลไก โดยมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 3 ชนิด คือ lipase, a-amylase, และ a-glucosidase ที่ย่อยไขมัน/แป้งและน้ำตาล ตามลำดับ ทำให้ไขมัน/ แป้งและน้ำตาลไม่สามารถถูกดูดซึมเข้าร่างกายได้ มีฤทธิ์สูงกว่ายามาตรฐานที่ใช้ควบคุมน้ำหนักและลดระดับน้ำตาลในเลือด (Orlistat และ Acarbose) “Lypose” ใช้ได้โดยไม่ต้องอดอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติและไม่ทำให้เกิดอาการท้องอืด ผลการทดสอบในอาสาสมัคร พบว่า“Lypose” สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลา 2 เดือนโดยไม่มีอาการข้างเคียง โดยลดได้ 2 – 5 กิโลกรัม ภายใน 2 เดือน ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของการลดน้ำหนักว่าควรลดลง 1.80 – 3 กิโลกรัมต่อเดือน